บทนำบันทึกข้อคิด คำคมจากหนังสือ

ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมากตั้งแต่เด็กๆ บางครั้งเมื่ออ่านหนังสือผ่านตาจะพบข้อคิด คำคม หรือประโยคดีๆ ซึ่งน่าจดน่าบันทึกไว้เพื่อจะได้นำมาอ่านและเตือนใจในตอนหลัง ทำให้ผมได้เริ่มรวบรวมข้อคิดจากหนังสือมาตั้งแต่ปี 2534 ตอนนั้นจดไว้ในสมุด ไว้อ่านเอง ต่อมาก็มีการรวบรวมเป็นเล่มแต่พิมพ์ไว้อ่านเองเท่านั้น ตอนนั้นให้ชื่อหนังสือว่า Pearls from the books (PFTB) ต่อไปนี้เป็นคำนำที่ผมเขียนไว้ในหนังสือเล่มนั้น

Pearls from the books เป็นชื่อของหนังสือเล่มนี้ที่ข้าพเจ้าตั้งขึ้นเอง สืบเนื่องมาจากข้าพเจ้าเชื่อว่า ในหนังสือต่างๆแทบทุกเล่มจะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่เสมอ อาจเป็นคำหรือข้อความสั้นๆ บทพูดของตัวละคร ฯลฯ ซึ่งข้าพเจ้าเรียกสิ่งต่างๆเหล่านี้ว่า ไข่มุก ไข่มุกจะกระจัดกระจายแทรกไปตามท้องทะเลแห่งตัวหนังสือ เมื่อข้าพเจ้าได้ค้นพบหรืออย่างน้อยคิดว่าค้นพบ ข้าพเจ้าจะไม่ลังเลที่จะรวบรวมจดบันทึกไว้ในสมุดส่วนตัวของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะบันทึกไว้เสมทอว่าข้าพเจ้านำไข่มุกเม็ดนั้นมาจากที่ใด และใครเป็นผู้ผลิตผลงานอันมีค่าเหล่านั้น เผื่อว่าวันใดอยากย้อนกลับไปอ่านต้นฉบับจะทำได้โดยง่าย

หนังสือเล่มนี้จึงเปรียบเสมือนสร้อยไข่มุกสร้อยงาม ซึ่งข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้รวบรวม คุณความดีของหนังสือเล่มนี้ต้องนับว่าเกิดจากผู้รังสรรค์สร้างมุกแต่ละเม็ดนั่นเอง ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำนำข้างต้นนั้นเขียนไว้เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2542 ซึ่งนับถึงบัดนี้เวลาผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว และเมื่อผมเริ่มทำ blog นี้ ก็รู้สึกอยากให้ท่านผู้อ่านได้ชื่นชม และได้ประโยชน์จากคำหรือข้อความดีๆทั้งหลายเหล่านี้บ้าง จึงนำมาลงไว้ที่นี่ ไม่ได้มีเจตนาล่วงละเมิดลิขสิทธิ์ของท่านผู้หนึ่งผู้ใด ผมคิดว่าผลงานดีๆเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากกับหลายๆคนที่ได้อ่าน จะได้แง่คิด ได้กำลังใจ และได้ข้อเตือนใจดีๆกลับไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนในวงกว้าง โดยที่ website นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์หรือมุ่งหมายในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามถ้าท่านผู้หนึ่งผู้ใด . . . → Read More: บทนำบันทึกข้อคิด คำคมจากหนังสือ

ปิดทองหลังพระ

วันหนึ่ง นายจำนงค์เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับเริ่มบ่นให้ฟังว่า

“พี่หมอ ผมไม่ไหวแล้วนะ ทุ่มเทกับการทำงานมากขนาดนี้ ทำโดยไม่มีวันหยุด แต่เหมือนไม่มีใครเห็น เจ้านายก็ไม่ขึ้นเงินเดือน ไม่เลื่อนขั้นให้ ทำไงดีพี่”

ผมรู้จักนายจำนงค์มานาน ทำให้รู้สึกแปลกใจมาก  เพราะปกติแล้วนายจำนงค์จัดว่าเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว แกรับผิดชอบหน้าที่หลายอย่าง ไม่ว่าด้านการเงิน การบริหาร งานพัสดุ ฯลฯ ซึ่งแกทำได้ดีมาก และเท่าที่รู้แกมีความสุขในการทำงานมาก ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน อย่างเวลาแกทำบุญ ใส่ซองผ้าป่าก็ไม่เคยคิดจะใส่ชื่อแกไปติดที่นั่นที่นี่ หรือทำความดีอะไรก็ไม่เห็นจะคาดหวังอะไรเลย ทำไมมาคาดหวังกับการเลื่อนขั้นเลื่อนเงินเดือน ซึ่งฟังดูแล้วแปลกๆ

“ไหนลองเล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

“พี่หมอก็รู้ ผมทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีอะไรก็ทุ่มเทให้ตลอด ไม่เคยคิดคดโกงใคร ไม่มีนอกไม่มีในกับใครทั้งนั้น ผลประโยชน์ขององค์กรผมก็พิทักษ์ให้เต็มที่ ไม่เคยเอาของของใครมาเป็นของของตน ไม่เคยแม้แต่จะคิด”

ผมพยักหน้าช้าๆ เพราะรู้ว่าเขาทำอย่างที่พูดจริงๆ

“ทุกวันที่ยังทำงานที่นี้ ก็เพราะได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ และรู้สึกเหมือนกับได้ทำความดี ได้ทำบุญทุกวัน” แกพูดถึงองค์กรของเราซึ่งเป็นองค์กรที่ทำประโยชน์ให้ผู้อื่น โดยไม่แสวงหากำไร

“ก็ดีแล้วนี่ จำนงค์ก็ทำดีแล้ว มากลุ้มใจทำไม”

“โถพี่หมอ เรื่องเงินเดือนนะสิ ไม่เห็นขึ้นให้บ้างเลย ไม่ได้เลื่อนขั้นมานานแล้ว ผมน่ะกินเงินเดือนอย่างเดียว ไม่เคยกินคอมมิชชั่น กินหัวคิว คอรัปชั่น เลย แต่เงินเดือนเท่านี้ ลูกเมียผมก็อยู่ได้ลำบาก ความดีน่ะกินไม่ได้นะพี่หมอ”

ผมพยักหน้าช้าๆด้วยความเข้าใจ และเห็นใจ

“จำนงค์กำลังปิดทองหลังพระอยู่รู้ไหม พี่เองก็เคยรู้สึกเหมือนที่จำนงค์รู้สึกอยู่ บางครั้งรู้สึกเหมือนว่าโลกไม่เป็นธรรมกับเรา ทำดีแล้วไม่มีใครเห็น แต่เชื่อพี่เถอะว่า ทำความดีแล้วต้องได้รับผลดี และจงทำต่อไป”

แล้วเราก็คุยกันต่อในเรื่องนี้ ผมรู้ว่าจำนงค์ต้องการแค่บ่นหรือต้องการที่ระบายเท่านั้น เพราะแกเป็นคนหนักแน่นพอในศีลธรรม . . . → Read More: ปิดทองหลังพระ

บารมี 10 กับชีวิตประจำวัน

ช่วงเดือนก่อนผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อจันทร์ศรี ที่วัดโพธิ์สมภรณ์ จังหวัด อุดรธานี จริงๆนับว่าผมโชคดีมาก เนื่องจากไม่ได้คิดว่าจะได้พบกับพระอาจารย์จันทร์ศรี แต่พอดีเป็นช่วงที่วัดมีงาน และมีคนเข้าวัดเต็มศาลาเลย ผมได้มีโอกาสแค่กราบอยู่ข้างนอก ก็รู้สึกอิ่มบุญ ปลาบปลื้มมาก ดูท่านอาจารย์ช่างชดงาม และผ่องใสยิ่ง

หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสเดินขึ้นนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐฐิของครูบาอาจารย์หลายท่าน สิ่งที่ผมประทับใจมากอย่างหนึ่งในวันนั้นคือการที่ได้อ่านเรื่องบารมี 10 ทัศ ซึ่งจารึกไว้ที่ตัวองค์เจดีย์ ซึ่งได้มีการแจกแจงไว้ดังนี้

ทานบารมี

หม้อน้ำเต็มเปี่ยม ใครผู้ใดคว่ำปากลง น้ำย่อมไหลออกหมด ไม่ขังอยู่ฉันใด ท่านก็ฉันนั้นเหมือนกัน เห็นยาจก ไม่ว่าต่ำทราม ปานกลางและสูงส่ง จงให้ทานให้หมด เหมือนหม้อน้ำคว่ำ

ศีลบารมี
จารมี หางคล้องติดในที่ใดก็ตาม ปลดขนหางออกไม่ได้ ก็ยอมตายในที่นั้น แม้ฉันใด ท่านจงรักษาศีลไว้ทุกเมื่อ เหมือนจารมีรักษาขน

เนกขัมมบารมี
อยู่มานานในเรือนจำ ลำบากเพราะความทุกข์ แสวงหาความพ้นออกไปอย่างนั้น แม้ฉันใด ท่านจงเห็นภพทั้งปวงเหมือนเรือนจำ เป็นผู้มุ่งหน้าออกบวช เพื่อพ้นออกไปฉันนั้น

ปัญญาบารมี
ภิกษุเมื่อเที่ยวบิณฑบาต ไม่เว้นตระกูลต่ำ สูง และปานกลาง ย่อมได้อาหารเป็นเครื่องยังชีพ ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ฉันนั้น ท่านอย่าได้เว้นใครๆเลย พึงเข้าไปหาบัณฑิตแม้ทั้งหมดไต่ตามปัญหา

วิริยบารมี
พญาราชสีห์ เป็นผ็มีความเพียรไม่ย่อหน่อยในอิริยาบถทั้งปวง ประคองใจไว้ในกาลทุกเมื่อ แม้ฉันใด ท่านจงประคองความเพียรไว้มั่น ตลอดทุกภพ

ขันติบารมี
ธรรมดาแผ่นดินย่อมอดกลั้นสิ่งทั้งปวง ที่คนทั้งหลายเขาทิ้งลง สะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง . . . → Read More: บารมี 10 กับชีวิตประจำวัน